วันพฤหัสบดีที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

ประหยัดค่าน้ำเมา5หมื่นล้าน


สสส.โว5ปีประหยัดค่าน้ำเมา5หมื่นล้าน


สสส.โว 5 ปี นับแต่มีพ.ร.บ.คุมน้ำเมา คนจ่ายเงินซื้อลดลง ประหยัด 50,000 ล้านบาท อัตราการดื่มแบบอันตรายมีแนวโน้มลดลง จาก9.1% เหลือ7.3 %
ศ.นพ.อุดมศิลป์ ศรีแสงนาม ที่ปรึกษาคณะกรรมการกองทุน สสส. ในฐานะประธานการประชุม กล่าวว่า ตั้งแต่ประเทศไทยบังคับใช้พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551 มาครบ 5 ปี ทำให้เกิดกลไกการทำงานบรรเทาผลกระทบจากปัญหาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ตั้งแต่ในระดับจังหวัด ผ่านคณะกรรมการและภาคีเครือข่าย เพื่อนำนโยบายระดับชาติทั้งมาตรการการจำกัดการเข้าถึง การทำการตลาด และการปรับเปลี่ยนบริบทของการบริโภค ลงไปปฏิบัติงานต่อ ทำให้แต่ละพื้นที่แก้ปัญหาได้ตรงประเด็นด้วยทุนทางสังคมของตนเอง และเกิดการมีส่วนร่วมในการทำงานทำให้เกิดความเข้มแข็งขึ้น
ทพ.กฤษดา เรืองอารีย์รัชต์ ผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวว่า การสนับสนุน ประสานร่วมมือกับบุคคล องค์กรต่างๆ เพื่อให้เกิดความตระหนัก และลดพฤติกรรมเสี่ยงการบริโภคสุรา และยาสูบ ถือเป็นวัตถุประสงค์ของ สสส. ตั้งแต่เริ่มแรก ผ่านกิจกรรมต่างๆ โดยใช้พลังปัญญา สังคม นโยบายร่วมกัน เช่น การรณรงค์งานบุญปลอดเหล้า การงดเหล้าเข้าพรรษา ที่ทำให้เกิดกระแสสังคมหันมาลด ละ เลิก ในช่วงเข้าพรรษาได้กว่าครึ่ง และลดการบริโภคต่อเนื่องไปจนถึงออกพรรษาได้ หรือการเปลี่ยนกระแสสังคมโดยจัดงานสวดมนต์ข้ามปี เพื่อให้คนไทยเปลี่ยนพฤติกรรมจากการเฉลิมฉลองด้วยแอลกอฮอล์เป็นการทำบุญ สวดมนต์สร้างสมาธิ ซึ่งถือเป็นการสร้างสิ่งแวดล้อมให้ประชาชนได้มีกิจกรรมสร้างสรรค์เพิ่มขึ้น
“จากการรณรงค์ในโอกาสต่างๆ ประกอบกับการบังคับใช้กฎหมายเพื่อลดการเข้าถึงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ทำให้คนไทยเสียเงินซื้อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ลดลงอย่างต่อเนื่องมา 5 ปีแล้ว จาก 154,998 ล้านบาท ในปี 2550 ลดลงเหลือ 137,059 ล้านบาท ในปี 2554 เท่ากับสามารถประหยัดเงินค่าซื้อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้เกือบ 18,000 ล้านบาท แต่หากไม่มีการรณรงค์ลดดื่มแอลกอฮอล์ ค่าซื้อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จะเพิ่มสูงขึ้น เมื่อคำนวณแล้วเท่ากับ ใน 5 ปีที่ผ่านมา สามารถประหยัดเงินค่าซื้อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้เกือบ 50,000 ล้านบาท รวมทั้งอัตราการดื่มแบบอันตรายมีแนวโน้มลดลง จากร้อยละ 9.1 ในปี 2546-2547 เหลือร้อยละ 7.3 ในปี 2551-2552 โดย สสส.จะทำหน้าที่สนับสนุนการแก้ปัญหาแอลกอฮอล์อย่างต่อเนื่องเพื่อรองรับปัญหาใหม่ๆ ที่จะเกิดขึ้นต่อไปในอนาคต” ทพ.กฤษดา กล่าว
ด้าน นพ.ภูษิต ประคองสาย ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนานโยบายสุขภาพระหว่างประเทศ กล่าวว่า การจัดการปัญหาแอลกอฮอล์ ไม่สามารถทำได้เพียงลำพังแค่กระทรวงใดกระทรวงหนึ่ง แต่เป็นเรื่องที่ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ และภาคประชาสังคม เพราะผลจากการดื่มอย่างไม่มีการควบคุม จะสร้างผลกระทบอย่างกว้างขวาง ทั้งต่อตัวผู้ดื่ม บุคคลรอบข้าง และสังคมโดยรวม จึงจำเป็นต้องสร้างความเป็นเจ้าของ ความเข้าใจ และการมีส่วนร่วม จากภาคส่วนต่างๆ โดยเฉพาะในหน่วยงานระดับพื้นที่และจังหวัด สามารถเป็นคานงัดจุดเปลี่ยนอนาคตปัญหาแอลกอฮอล์ของสังคมไทย การประชุมวิชาการสุราระดับชาติครั้งนี้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น